วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คุณสามารถประสบความสำเร็จได้รับการกำจัด Internet Security 2012 จากคอมพิวเตอร์ของคุณ.



มีโปรแกรมปลอมเป็น, ที่เรียกว่า Internet Security 2012, หมุนเวียนตลอดทั้งอินเทอร์เน็ตและการติดไวรัสคอมพิวเตอร์จำนวนมาก. มันไม่ได้เป็นโปรแกรมจริงและในความเป็นจริงไวรัส. เรียนรู้วิธีลบ Internet Security 2012 โดยการอ่านบทความนี้. คำแนะนำการกำจัดอยู่ที่ปลายของบทความ.


สัญญาณแรกที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณติด Internet Security 2012 เป็นอินเตอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิกภาพด้านล่าง. ถ้าคุณเห็นติดต่อด้านล่างแล้วคุณจะโชคร้ายติดเชื้อไวรัสนี้. เชื้อนี้ถูกซื้อกิจการขณะที่คุณกำลังท่องอินเทอร์เน็ต, ทั้งโดยการดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย. หลายครั้งที่คุณไม่ได้ตระหนักว่าไวรัสจะถูกดาวน์โหลด.


Internet Security 2012 Virus Image


ทันทีที่ติดเชื้อ Internet Security 2012 จะปรากฏขึ้นและเริ่มต้นปลอมสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณ. ปลอมสแกนเป็นจริงมากกำลังมองหา, แต่มันเป็นเรื่องตลกที่สมบูรณ์. โปรแกรมนี้ปลอมไม่สแกนอะไร, เหตุผลสำหรับการสแกนคือการหลอกลวงให้คุณคิดว่า Internet Security 2012 เป็นเรื่องจริง.


มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คุณต้องจดจำว่าโปรแกรมนี้คือปลอมและอยู่ในความเป็นจริงการติดเชื้อคอมพิวเตอร์ที่เป็นอันตราย. The Internet Security 2012 ซอฟต์แวร์ปลอมไม่ได้มีผลประโยชน์ใด ๆ จริง ๆ. มันเป็นหลอกลวงพัฒนาโดยอาชญากรไซเบอร์จะหลอกลวงให้ผู้ใช้ทั่วไปในการคิดที่ถูก legit คือ. ประเภทของการหลอกลวงนี้เรียกว่าวิศวกรรมทางสังคม.


กลยุทธ์วิศวกรรมทางสังคมที่ใช้โดย Internet Security 2012 การแจ้งเตือนเป็น, คำเตือน, ผลการสแกนและคำเตือนการเปิดใช้งาน. เหล่านี้ทั้งหมดประลองยุทธ์หลอกลวงกลัวที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อดีฝ่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไปเชื่อว่าคอมพิวเตอร์ของพวกเขาอยู่ในปัญหา. ไม่เชื่อคำเตือนหรือแจ้งเตือนว่า Internet Security 2012 แสดง.

คุณสามารถประสบความสำเร็จได้รับการกำจัดInternet Security 2012 จากคอมพิวเตอร์ของคุณ. เราได้ให้รายละเอียดขั้นตอนตามคำแนะนำการกำจัดขั้นตอนด้านล่างนี้.



ส่วนใหญ่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องแรกพยายามที่จะทำระบบเรียกคืนในคอมพิวเตอร์ของพวกเขาในหวังว่ามันจะลบ Internet Security 2012 ไวรัส. แต่น่าเสียดายที่คืนค่าระบบเป็นไปไม่ได้, ผู้สร้างของไวรัสนี้ปิดใช้งานคุณลักษณะการจงใจเรียกคืนระบบ. ความพยายามที่จะดำเนินการคืนค่าระบบจะไม่ทำงานสำหรับการลบ Internet Security 2012 ดังนั้นโปรดอย่าเสียเวลาของคุณ.


คุณสามารถประสบความสำเร็จได้รับการกำจัดอย่างถาวรและลบ Internet Security 2012 จากคอมพิวเตอร์ของคุณ. เราได้ให้รายละเอียดขั้นตอนตามคำแนะนำการกำจัดขั้นตอนด้านล่างนี้. คุณต้องใช้ไวรัสโปรแกรมกำจ​​ัดมืออาชีพเพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อนี้. ไวรัสโปรแกรมกำจ​​ัดมืออาชีพจะสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณ, ตรวจจับ Internet Security 2012 และสมบูรณ์เอาไว้.


เราขอแนะนำ PC Tools ในการกำจัดไวรัสนี้. PC Tools ไวรัสโปรแกรมกำจ​​ัดมืออาชีพที่จะสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณเป็น, พบไวรัสและทำลายมัน. PC Tools ยังมีการป้องกันภัยคุกคามในอนาคตหลังจากที่มันได้ถูกลบออก Internet Security 2012. เราขอแนะนำ PC Tools และนั่นคือเหตุผลที่เราใช้มันในคำแนะนำการกำจัดของเราด้านล่าง.
คำแนะนำการกำจัดไวรัส
ไวรัสเป้าหมาย: Internet Security 2012 Virus
คำแนะนำการกำจัดไวรัสที่เราได้ระบุไว้ด้านล่างนี้ได้รับการพิสูจน์ลบ Internet Security 2012 Virus. คุณ ต้อง จะอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อเมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้.

เพื่อเริ่มต้น, ไปข้างหน้าและรีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อ. หากคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อจะถูกปิด, ไปข้างหน้าและเปิดใช้งาน.




ทันทีในขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มบูต, กด F8 หลาย ๆ ครั้ง. กด F8 ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเมนูตัวเลือกขั้นสูง.




เมื่อคุณอยู่ในเมนูตัวเลือกขั้นสูง, ใช้ปุ่มลูกศรของคุณและเลือก Safe Mode with Networking ตัวเลือก. กด ENTER เมื่อคุณได้เลือกตัวเลือกที่.
Safe Mode with Networking


Windows จะบูตเข้าสู่ Safe Mode with NetworkingSafe Mode with Networking จะช่วยให้คุณลบInternet Security 2012 ซึ่งมันจะไม่อนุญาตให้เมื่อ Windows อยู่ในโหมดปกติ.




ตอนนี้ไวรัสจะไม่ทำงานเป็นเวลาที่จะเริ่มการกำจัด. บนคีย์บอร์ดของคุณ, คลิกและ ถือ คีย์ Windows, จากนั้นกดปุ่ม R. ดูแผนภาพแป้นพิมพ์ด้านล่าง.
key




หลังจากที่คุณได้กดของ Windows และ R ที่สำคัญ, กล่องเรียกใช้ Windows จะเปิด. ประเภทว่าต่อไปนี้ลงในช่องเรียกใช้และคลิก OK:
iexplore http://www.spywarehelpcenter.com/remove


Windows Run Remove




หลังจากที่คลิก OK, คอมพิวเตอร์ของคุณจะเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของเราและดาวน์โหลดโปรแกรมกำจ​​ัดไวรัสที่แนะนำของเราที่เรียกว่า Spyware Doctor โดย PC Tools.




เมื่อคุณเห็น PC Tools กล่องดาวน์โหลด, คลิกปุ่ม Run. ภาพของกล่องดาวน์โหลดอยู่ด้านล่าง. หลังจากที่คุณคลิก “เรียกใช้” ปุ่ม, PC Tools จะเปิดตัว. หากคอมพิวเตอร์ของคุณจะถามว่าคุณแน่ใจว่าคุณต้องการเรียกใช้PC Tools, คลิก OK. The PC Tools การติดตั้งจะเริ่มต้น. หลังจากที่ติดตั้งอย่างเต็มที่ PC Tools การสแกนไวรัสอัตโนมัติจะเริ่มต้น.

PC Tools Download Box Click Run




หลังจากที่ PC Tools มีสแกนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณและพบว่า Internet Security 2012 มันเป็นเวลาที่จะลบออก. เพียงคลิก "แก้ไขปัญหาการยืม" เพื่อลบไวรัส.
*โปรดทราบ: คุณจะไม่เห็นชื่อไวรัสที่เกิดขึ้นจริงในรายการของการติดเชื้อที่พบ. ชื่อของไวรัสใน PC Tools ฐานข้อมูลแตกต่างจากชื่อของไวรัสที่คุณเห็นบนคอมพิวเตอร์ของคุณ. ถ้าคุณเห็นการติดเชื้อต่างๆเกี่ยวกับผลการสแกนแล้วว่าหมายความว่า PC Tools พบ Internet Security 2012 ไวรัส.




หลังจากที่คุณคลิก "แก้ไขปัญหาตรวจสอบแล้ว" คุณจะต้องลงทะเบียน PC Tools ในการลบ Internet Security 2012. กรุณาลงทะเบียน PC Tools และ Internet Security 2012 ไวรัสจะถูกลบออก.
ลงทะเบียน PC Tools มีประโยชน์ที่เหนือกว่ารวมทั้งเรียลไทม์การป้องกันภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องที่อาจเกิดขึ้น. PC Tools จะตรวจจับและลบภัยคุกคามใด ๆ ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงไวรัส, สปายแวร์, โทรจัน, การติดเชื้อรีจิสทรีและอื่น ๆ. เป็นโซลูชั่นที่ all - in - หนึ่งที่ดีสำหรับความต้องการความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของคุณและนั่นคือเหตุผลที่เราขอแนะนำให้.




หลังจากที่คุณได้ลงทะเบียน PC Tools, และไวรัสจะถูกลบออก, คุณสามารถรีบูตเข้าสู่โหมดปกติ. ไวรัสจะหายไปอย่างสมบูรณ์.

ไวรัสคอมพิวเตอร์คืออะไร


ไวรัสคอมพิวเตอร์ ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
ในเชิงเทคโนโลยีความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนของข้อมูลเอกสารหรือส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้ ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์
ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่งเป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก

[แก้]คำจำกัดความ

ไวรัสเป็นโปรแกรมประเภทที่สามารถแพร่ขยายตัวเองได้ วิธีการในการจำแนกว่าส่วนของโปรแกรมนั้นเป็นไวรัสหรือไม่ นั้นดูจากการที่โปรแกรมสามารถแพร่กระจายตัวได้โดยผ่านทางพาหะ (โฮสต์)
บ่อยครั้งที่ผู้คนจะสับสนระหว่างไวรัสกับเวิร์ม เวิร์มนั้นจะมีลักษณะของการแพร่กระจายโดยไม่ต้องพึ่งพาหะ ส่วนไวรัสนั้นจะสามารถแพร่กระจายได้ก็ต่อเมื่อมีพาหะนำพาไปเท่านั้น เช่น ทางเครือข่าย หรือทางแผ่นดิสก์ โดยไวรัสนั้นอาจฝังตัวอยู่กับแฟ้มข้อมูล และเครื่องคอมพิวเตอร์จะติดไวรัสเมื่อมีการเรียกใช้แฟ้มข้อมูลนั้น
เนื่องจากไวรัสในปัจจุบันนี้ได้อาศัยบริการเครือข่ายบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น เวิลด์ไวด์เว็บ อีเมล และระบบแฟ้มข้อมูลร่วมในการแพร่กระจายด้วย จึงทำให้ความแตกต่างของไวรัสและเวิร์มในปัจจุบันนั้นไม่ชัดเจน
ไวรัสสามารถติดพาหะได้หลายชนิด ที่พบบ่อยคือ แฟ้มข้อมูลที่สามารถปฏิบัติการได้ของซอฟต์แวร์ หรือส่วนระบบปฏิบัติการ ไวรัสยังสามารถติดไปกับบู๊ตเซคเตอร์ของแผ่นฟลอปปีดิสก์ แฟ้มข้อมูลประเภทสคริปต์ ข้อมูลเอกสารที่มีสคริปต์แมโคร นอกเหนือจากการสอดแทรกรหัสไวรัสเข้าไปยังข้อมูลดั้งเดิมของพาหะแล้ว ไวรัสยังสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเดิมในพาหะ และอาจทำการแก้ไขให้รหัสไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานเมื่อพาหะถูกเรียกใช้งาน อันที่จริงไม่ใช่

[แก้]ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์

[แก้]บูตไวรัส

บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที
บูตไวรัสจะติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

[แก้]ไฟล์ไวรัส

ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น

[แก้]หนอน

หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งเพิ่มมากขึ้น

[แก้]อื่นๆ

[แก้]โทรจัน

ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน (คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

[แก้]ประวัติ

ในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) ทีมวิศวกรของ Bell Telephone Laboratories ได้สร้างเกมชื่อว่า "Darwin" ถือเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวแรกที่มีรูปแบบของไวรัส โดยฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำ เกมนี้ใช้คำศัพท์บางอย่างที่มีคำว่า "supervisor" มีลักษณะที่กำหนดกฎเกณฑ์การต่อสู้ระหว่างผู้เข้าแข่งขัน โปรแกรม Darwin นี้มีความสามารถที่จะวิจัยสภาพแวดล้อมของมัน ทำสำเนา และทำลายตัวเองได้ จุดประสงค์หลักของเกมนี้ก็คือลบโปรแกรมทั้งหมดที่คู่แข่งเขียนและครอบครองสนามรบ
ต้นปี พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) มีการตรวจพบไวรัส Creeper ในเครือข่าย APRAnet ของทหารอเมริกา ถือเป็นต้นแบบไวรัสคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โปรแกรม Creeper สามารถเข้าครอบครองเครือข่ายผ่านโมเด็มและส่งสำเนาตัวเองไปที่ฝั่ง remote ไวรัสนี้ทำให้คนรู้ว่าติดไวรัสด้วยการ broadcast ข้อความ "I'M THE CREEPER ... CATCH ME IF YOU CAN"
ปี พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) โปรแกรมชื่อ "Rabbit" โผล่ขึ้นมาบนเครื่องเมนเฟรมที่เรียกชื่อนี้เพราะมันไม่ได้ทำอะไรนอกจากสำเนาตัวเองอย่างรวดเร็วไปในระบบเก็บข้อมูลชนิดต่างๆ Rabbit นี้ได้ดึงทรัพยากรของระบบมาใช้อย่างมาก ทำให้การทำงานกระทบอย่างรุนแรงจนอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดได้
ปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) มีการตรวจพบไวรัสชื่อ "Elk Cloner" นั้นเป็นคอมพิวเตอร์ไวรัสบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตัวแรก ซึ่งแพร่กระจาย คือในวงที่กว้างออกไปกว่าภายในห้องทดลองที่สร้างโปรแกรม โปรแกรมนี้ถูกเขียนขึ้นโดย Rich Skrenta โดยไวรัสนี้จะติดไปกับระบบปฏิบัติการ Apple DOS 3.3 ผ่านทาง boot sector ของฟล็อปปี้ดิสก์ ณ เวลานั้นผลของมันทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์บางคนนึกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์เกิดจากมนุษย์ต่างดาว เพราะทำให้การแสดงภาพที่จอกลับหัว, ทำตัวอักษรกระพริบ, ขึ้นข้อความต่างๆออกมา
ปี พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) Len Adleman แห่งมหาวิทยาลัย Lehigh ตั้งคำว่า "Virus" ว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำสำเนาตัวเองได้ และในปีถัดมาใน Information security conference ครั้งที่ 7 Fred Cohen ได้ให้คำจำกัดความของคำ "computer virus" ว่าเป็นโปรแกรมที่สามารถติดต่อไปยังโปรแกรมอื่นโดยการแก้ไขโปรแกรมเดิมเพื่อแพร่ขยายตัวเอง
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) Fred Cohen บิดาแห่งไวรัสศาสตร์ (Virology) ได้ใช้คอมพิวเตอร์ VAX 11/750 สาธิตว่าโปรแกรมไวรัสสามารถฝังตัวเข้าไปใน object อื่นได้
ปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) ไวรัสตัวคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆ สร้างโดยโปรแกรมเมอร์อายุ 19 ปี ชาวปากีสถาน ชื่อ Basit Farooq และพี่ชายชื่อ Amjad เรียกชื่อ "Brain" ที่มีเป้าไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ IBM Compatible ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการรู้ระดับของซอฟต์แวร์เถื่อนในประเทศตัวเอง แต่โชคไม่ดีที่การทดลองนี้หลุดออกมานอกประเทศ
ปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมันชื่อ Ralf Burger พบวิธีตรวจจับโปรแกรมที่ copy ตัวเองโดยการเพิ่ม code บางตัวเข้าไปใน ไฟล์ COM version ที่ใช้ทดลองชื่อ Virdem ถูกนำมาแสดงในเดือนธันวาคม ที่ Hamburg เป็น forum ที่เหล่า hacker ที่ชำนาญในการ crack ระบบ VAX/VMS มารวมตัวกันชื่อ "Chaos Computer Club"
ปี พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) เกิดไวรัสระบาดที่ เวียนนา เป็นไวรัสที่ทำลายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตัวแรกที่ทำงานเต็มระบบ ส่งผลกระทบไปเกือบทั่วโลก ที่มาของไวรัสนี้เป็นประเด็นถกเถียงกันมาก เพราะคนที่อ้างว่าเป็นคนเขียนคือ Franz Svoboda แต่เมื่อสืบไปจึงพบว่าเขารับมาจาก Ralf Burger ซึ่งก็อ้างว่ารับมาจาก Svoboda เดิมชื่อไวรัสคือ "lovechild" แต่เพราะไม่สามารถหาคนให้กำเนิดได้จึงถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า "orphan" (ลูกกำพร้า)
ปี พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) เดือนธันวาคม เกิดการระบาดใต้ดินครั้งแรกในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ชื่อ "Christmas Three" วันที่ 9 ไวรัสหลุดมาจาก เครือข่าย Bitnet ของมหาวิทยาลัย Western University ประเทศเยอรมนี ทะลุเข้าไปใน European Acadamic Research Network (EARN) และเข้าไป เครือข่าย IBM-Vnet เป็นเวลา 4 วัน เครื่องที่ติดไวรัสจะแสดงผลที่หน้าจอเป็นรูปต้นคริสต์มาสต์ และส่งไปให้ผู้ใช้อื่นๆในเครือข่าย
ปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) Peter Norton programmer ที่มีชื่อเสียง ผู้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Symantec ได้ออกมาประกาศว่าไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องไร้สาระ โดยเปรียบว่าเป็นแค่จระเข้ที่อยู่ในท่อระบายน้ำเสียในนิวยอร์ก แต่ในที่สุดเขาเป็นผู้ที่ได้เริ่มต้น project Norton-AntiVirus
ปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) วันที่ 22 เดือนเมษายน เกิด forum ที่ถกกันเรื่อง security threat เป็นครั้งแรก ชื่อ Virus-L host ไว้ที่ Usebet สร้างโดย Ken Van Wyk เพื่อร่วมงานของ Fred Cohen ที่มหาวิทยาลัย Lehigh
ปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) เดือนตุลาคม มีการแพร่ข่าวไวรัสชื่อ Mr. "Rochenle" อย่างมากเป็นไวรัสประเภทหลอกลวง (HOAX) เป็นตัวแรก อ้างถึงชื่อบุคคลที่ไม่มีตัวตนชื่อ Mike RoChenle ("Microchannel") อ้างว่าไวรัสนี้สามารถส่งตัวเองไประหว่างโมเด็มด้วยความเร็ว 2400 bps ทำให้ความเร็วโมเด็มลดลงเหลือ 1200 bps และได้อธิบายวิธีการแก้ไขที่ไม่ได้มีผลอะไร แต่มีคนหลงเชื่อทำตามกันอย่างมากมาย
ปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) เดือนพฤศจิกายน มีหนอนเครือข่ายชื่อ "Morris" ระบาดอย่างหนักทำให้คอมพิวเตอร์กว่า 6000 เครื่องในอเมริการวมทั้งใน ศูนย์วิจัยของ NASA ติดไปด้วย ส่งผลกระทบให้การปฏิบัติงานหยุดโดยสิ้นเชิง เหตุเนื่องจากมี error ใน code ของ Morris ทำให้มัน copy ตัวเองไปที่เครือข่ายอื่นอย่างไม่จำกัดทำให้เครือข่ายรับไม่ไหว การระบาดครั้งนั้นทำให้สูญเสียเป็นมูลค่ากว่า 96 ล้านเหรียญสหรัฐ